นายกฯ เปิดการประชุม CLMVT Forum 2019 ถกความร่วมมือ 5 ประเทศขับเคลื่อนภูมิภาคสู่การเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย

อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 2562
  • Share :
  • 762 Reads   

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน CLMVT Forum 2019 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “CLMVT as the New Value Chain Hub of Asia” (การผลักดันให้ CLMVT เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย) ในวันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2562 ณ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ โดยการประชุม CLMVT Forum 2019 ในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์ ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานพันธมิตร 11 องค์กร เพื่อเป็นเวทีแสดงศักยภาพ    ของ 5 ประเทศในภูมิภาค CLMVT ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย พร้อมร่วมปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกัน พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในยุคสงครามการค้า และร่วมขับเคลื่อนภูมิภาคสู่   การเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย

ภายในงานฯ ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา H.E. Mr. Pan Sorasak รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา H.E. Mr. SOK Chenda Sophea รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป.ลาว H.E. Mrs. Khemmani Pholsena และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เมียนมา H.E. Dr. Than Myint พร้อมคณะ ตลอดจนผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร และผู้บริหารองค์กรพันธมิตร ร่วมให้การต้อนรับ

นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างพิธีเปิดงานว่า “รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของภูมิภาค CLMVT ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของเอเชียและโลก จึงเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม CLMVT Forum 2019 ขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก คือการผลักดันให้ CLMVT เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย พร้อมขับเคลื่อนการสร้างความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดและแนบแน่น ตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งภายในภูมิภาค CLMVT และภายนอก รวมทั้ง สร้างเครือข่ายของผู้นำทางธุรกิจ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ และเยาวชนคนรุ่นใหม่ในภูมิภาค CLMVT เพื่อเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าร่วมกันอย่างยั่งยืน ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนโลก และต้องเผชิญความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงแนวโน้มการใช้นโยบายปกป้องทางการค้า และสงครามการค้า”

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า “การเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าร่วมกันในภูมิภาคนี้ จะต้องให้ภาคเอกชนและภาควิชาการเป็นหลัก โดยที่ภาครัฐจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกและวางรากฐาน ที่ผ่านมาภาคเอกชน ของภูมิภาค CLMVT ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจ การสร้างและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ รวมถึง เป็นกำลังสำคัญในการประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ  การประชุม CLMVT Forum 2019 จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งจะได้รับความรู้ และความคิดเห็นที่มีค่า จากการระดมสมองของผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจการค้าของประเทศ CLMVT มานำเสนอให้เห็นศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของภูมิภาค เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางความร่วมมือของภูมิภาค CLMVT ในอนาคต พร้อมแนวทางในการปรับตัวเพื่อรองรับกับความท้าทายและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเศรษฐกิจใหม่”

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า “เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและการทำธุกิจของทุกคนอย่างแยกไม่ออก ในยุคนี้ที่เรียกกันว่ายุคแห่ง “การปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” ซึ่งเป็นการหลอมรวมกันระหว่างเทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีกายภาพ และเทคโนโลยีชีวภาพเป็นหนึ่งเดียว โดยจะเข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชิวิต และการทำธุรกิจในทุกภาคเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม เกษตร หรือบริการ โดยเทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านี้มีความซับซ้อน ทำให้การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องพบกับความท้าทายอย่างมาก นอกจากจะการแข่งขันที่สูงขึ้นแล้ว ยังมีความไม่แน่นอน และความผันผวนสูงในการทำธุรกิจ ทำให้ทุกภาคส่วนใน CLMVT ต้องปรับตัว และที่สำคัญคือ ต้องจับมือกันในการก้าวไปข้างหน้าและแบ่งปัน ไม่ใช่แข่งขันกันอย่างเดียว โดยเฉพาะต้องช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยปรับตัวในการเรียนรู้ ลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้สามารถเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตในห่วงโซ่คุณค่าสมัยใหม่ได้”

“หลักการสำคัญที่ประเทศไทยยึดมั่นมาตลอด คือหลักการ “การเติบโตไปด้วยกัน” หรือ “Stronger Together” นั่นคือการมีส่วนร่วมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยประเทศในกลุ่ม CLMVT มีความสัมพันธ์อันดี  มายาวนาน บนพื้นฐานของการให้ความเคารพในความหลากหลาย และการสร้างความเกื้อกูลกันด้วยการประสานผลประโยชน์แบบเท่าเทียม ดังนั้น งาน CLMVT Forum 2019 นี้ จะเป็นการต่อยอดความสัมพันธ์   อันดีข้างต้น เพื่อนำไปสู่การเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนของภูมิภาค CLMVT และเพื่อแสดงให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดที่เกิดจากความร่วมมือและการประสานจุดแข็งของประเทศในภูมิภาค” นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย

ด้านนางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า กลุ่มประเทศ CLMVT เป็นภูมิภาคที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ อาทิ ทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางจุดยุทธศาสตร์ของภูมิภาคเอเชีย การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เพียบพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เปี่ยมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทุนมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถ และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าและการลงทุนที่น่าสนใจที่สุดในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

การประชุม CLMVT Forum 2019 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและภาคเอกชน กว่า 500 ราย จาก 14 ประเทศทั่วโลก ประกอบด้วยวิทยากรจากองค์กรชั้นนำของไทย กลึ่มประเทศ CLMV และนานาชาติ อาทิ J.P.Morgan, Google, DHL, National University of Singapore, Chandragan Group ประเทศอินเดีย, Singapore Manufacturing Federation, ธนาคารกรุศรีอยุธยา, บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สถานบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และ WHA Corporation เป็นต้น นางสาวชุติมา กล่าวทิ้งท้าย